1. จากที่เกิดน้ำท่วมดินจะมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นจากการพัดพาเอาตะกอนดินมากองหน้าดินทำให้ไม่ต้องใช้

ปุ๋ยมากในการปลูกข้าว

2. ควรเริ่มปลูกข้าวตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งท้องและออกดอกในช่วงอากาศ

หนาวในเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งมีผลทำให้ข้าวลีบ

3. ควรปล่อยให้เมล็ดข้าววัชพืช หรือเมล็ดข้าวที่ตกค้างอยู่ในดินจากฤดูที่ผ่านมางอกขึ้นก่อน แล้วไถทำลายใน

ขั้นตอนการเตรียมดิน จะสามารถลดปริมาณข้าววัชพืช/ข้าวเรื้อจากฤดูปลูกที่ผ่านมาลงได้มาก

4. หลีกเลี่ยงการใช้พันธุ์ข้าวที่ไม่ทนต่อสภาวะอากาศหนาว เช่น พิษณุโลก2, กข29 และ กข41 เป็นต้น
5. ข้อควรระวัง

5.1 โรคไหม้ และ โรคขอบใบแห้งของข้าว เนื่องจากสภาพอากาศที่มีหมอกและน้ำค้างมากประกอบกับดินมีความอุดมสมบูรณ์จากน้ำท่วม ซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคกับข้าวทุกระยะการเติบโต

5.2 หนอนกระทู้กล้า และ หนอนกระทู้คอรวง โดยหนอนกระทู้กล้าจะเข้าทำลายต้นข้าว ตั้งแต่ระยะกล้าถึงระยะแตกกอ การทำลายมักเป็นในเวลากลางคืน อาจเสียหายได้ภายใน 1-2 วัน ส่วนในช่วงข้าวออกรวง หนอนกระทู้คอรวงชอบกัดกินคอรวง หรือ ระแง้ของรวง ในระยะสุกแก่ ทำให้คอรวงขาดการทำลายในช่วงกลางคืนเช่นเดียวกัน

6. พันธุ์ข้าว

6.1 พันธุ์ข้าวที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหลังน้ำลด (เขตพื้นที่ชลประทาน) มีดังนี้

ภาคเหนือตอนล่าง/ภาคกลาง

กข31, กข39, กข43, สุพรรณบุรี 1, สุพรรณบุรี 2 , สุพรรณบุรี 90, และบางแตน

ภาคใต้

กข37, ชัยนาท 1, และพิษณุโลก 2, (พื้นที่ภาคใต้ไม่มีผลกระทบกับอากาศหนาวจึงสามารถปลูกได้)

6.2 พันธุ์ข้าวที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกฤดูหนาว (เขตพื้นที่นอกเขตชลประทาน)

คือ พันธุ์ข้าวที่มีอายุสั้นเก็บเกี่ยวสั้น มี 3พันธุ์ ได้แก่ กข43, กข61, สุพรรณบุรี 2, บางแตน  (โดยมีอายุการเก็บเกี่ยว 95-98 วัน เป็นนาหว่านนาตม ซึ่งการที่จะปลูกข้าว 4 พันธุ์นี้ได้ต้องมีน้ำเพียงพออย่างน้อยสามารถหล่อเลียงต้นข้าวไปได้ อายุ 80-87 วันหรือ มีน้ำประมาณ 2 เดือนกว่าๆ จึงสามารถปลูกได้)

ที่มา… http://smg.brrd.in.th